[ แชร์ประสบการณ์ ] ตอนไปเที่ยวปารีส ประเทศฝรั่งเศสกับสายการบิน Air France


สวัสดีครับทุกคน วันนี้กุ้งพาทุกคนไปเที่ยวชมกรุงปารีส
ประเทศฝรั่งเศสผ่านรีวิวนี้กันนะครับ
ตอนนั้นกุ้งเดินทางออกจากไทยไป
วันที่ 8 เดือนพฤศจิกายน 2556 โดยสายการบินของ AirFrance
เที่ยวบิน AF165 ออกเดินทาง 10 : 45 น
(แต่กุ้งไปถึงสนามบินประมาณ 8 โมงครึ่ง / ไปเร็วหน่อย เพื่อเตรียมความพร้อม อิอิ)

พอไปถึง ก็เอากระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องโลดฮะ 
 (เพราะได้ Check In ไว้แล้วเรียบร้อย
ผ่าน Internet ในเวปของ Air France ฮะ)




พอกุ้งกับคุณแม่จัดการเรื่องกระเป๋าเสร็จ
เราก็มาที่ห้องรับรองของสายการบิน
ที่ได้เตรียมไว้ให้ผู้โดยสาร สำหรับใครที่สนใจใช้บริการ
สามารถเลือกใช้บริการได้ในราคาพิเศษ
เพียง 1,000 บาทเท่านั้นนะฮะ ซึ่งภายในห้องรับรองนี้
มีเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ มี Internet ให้เล่นรอเครื่องไปเพลินๆ







ใครใคร่ดื่มชา กาแฟ  เค้าก็เตรียมไว้ให้ทานได้ฟรีๆเลยนะฮะ


มีหนังสือพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ให้อ่านระหว่างรอไฟท์


ที่เก๋ที่สุดคือ มีเก้าอี้นวดให้นวดฟรีด้วยนะฮะ / เลิศเว่อร์
(เก้าอี้แบบนี้ เคยไปถามราคา ทราบมาว่าตัวละเป็นแสนเลยฮะ/ ห้องรับรอง มีแบบนี้ 2 ตัวฮะ)



นอกจากชา กาแฟแล้ว ก็มีพวกของคาว
ของหวาน ผลไม้ให้กินเยอะแยะเลยฮะ
(แนะนำให้ลองแซนวิชแซลม่อนฮะ อร่อยดี/
แต่อย่าทานเยอะไปนะฮะ เพราะบนเครื่องมีอาหารอีกเยอะฮะ)
  



น้ำแร่ น้ำอัดลม ทุกอย่างในห้องนี้ฟรีหมดเลยนะฮะ


พอทานอิ่ม และใกล้เวลาบิน ก็ Move มาตรงที่นั่งรอได้แล้วฮะ
(เรามัวแต่ถ่ายรูป /แต่แม่ Happy มากกก
เพราะนางได้กินนู้นนี่นั่น  สบายท้องไปแล้ว ฮาๆๆ)





โฉมหน้าของเครื่องบิน ที่จะบินไปปารีสวันนี้ฮะ ( AF165 )


เก้าอี้ที่นั่งขาไปนี้ เป็นแบบ Premium Economy คือ
ดีงามกว่า Economy ธรรมดาทั่วไปหลายขุมเลยฮะ


1. ที่นั่งกว้างกว่า 40 % ได้มั้งฮะ ใครที่ตัวใหญ่หน่อย
แนะนำให้นั่งแบบ Premium ไปเลยฮะ
เพราะเวลาลุกไปห้องน้ำจะสะดวกกว่า 
และมีพื้นที่อ่านหนังสือ/เล่น Notebook ทำงานต่างๆ ได้กว้างกว่าฮะ

(จากกรุงเทพ ไปปารีสนี่ ใช้เวลาร่วม
12 ชั่วโมงเลยนะฮะ ดังนั้นพื้นที่ที่กว้างขึ้น ก็มีผลเหมือนกัน)


2. มีไม้แขวนเสื้อให้ – เหมาะกับใครที่มีสูท
หรือเสื้อกันหนาวดีๆ แล้วไม่อยากให้ยับ ก็แขวนโลดฮะ



3. มีหมอนใบใหญ่ให้หนุน – ถ้าเป็นแบบ Economy
ธรรมดาก็ได้เป็นหมอนใบสีแดงๆ เล็กกว่าแบบนี้ฮะ




4. มีช่องว่าง มีน้ำแร่ให้ดื่มตลอด


แต่ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ระดับไหน เราก็สามารถดูหนัง ฟังเพลงได้เหมือนกันหมดนะฮะ
โดยสายการบิน Air France จะเก๋ตรงที่ หนังใหม่มาก และมีพวกเพลง hit ๆ ใส่ไว้ให้เต็มเลยฮะ



เช่นเรื่อง Pacific Rim ที่เพิ่งออกจากโรงไปได้ไม่นาน หรือเรื่อง อื่นๆ
ก็มีให้ดูเยอะมาก เสียอย่างเดียว คือไม่มีภาษาไทยนะฮะ 555+




มีเกมส์ให้เล่นด้วยฮะ ด้วยใช้รีโมท เป็น Controller ได้เลย



ระหว่างที่เดินทาง จะมีสจ๊วตมาเสิร์ฟเครื่องดื่มตลอดนะฮะ 
สิ่งที่เก๋ที่สุด คือ มีไวน์เสิร์ฟตลอดดด ไม่อั้น !! 




อาหารมื้อแรกบนเครื่องมาเสิร์ฟแล้วฮะ
เป็นข้าวกับไก่หมักอะไรสักอย่าง
รสชาติคล้ายๆข้าวหมกไก่ แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว /
อื่นๆก็มีผัดผัก ขนมปัง มีเนย และเครื่องเคียงเป็นขนมเค้กและผลไม้ฮะ





ขนมเค้กอร่อยมากกกก / เอาจริงๆแค่ไวน์ไม่อั้น ก็ฟินสุดๆ แล้วฮะ




พอไปถึงวันแรก ก็เดินห้างเลยจ้า กายพร้อม เงินพร้อม เราทำได้ 555



ห้างที่เราไปที่แรก คือ ห้างที่ชื่อว่า “Galeries Lafayette”
เป็นห้างที่ดังมากๆ และคนเอเชียไปช็อปที่นี่เยอะมากๆ
เพราะเป็นห้างที่รวมสินค้าแบรนด์เนม เกือบจะทุกแบรนด์เอาไว้ด้วยกันในห้างเดียว
 (สะดวกต่อการทำ Tax Refund สุดๆ)



แต่ข้อเสียของห้างที่นี่ คือปิดวันอาทิตย์นะฮะ (รวมถึงวันหยุดราชการด้วยจ๊ะ)



และนี่คือ อาหารมื้อแรกของเราในปารีส
แต่เป็นอาหารจีนนะ (แม่อยากทาน)
เราจำชื่อร้านนี้ไม่ได้ แต่มัน
อยู่บนชั้น 6 ของห้างนั่นแหละ ขึ้นบันไดเลื่อนมาก็เจอเลย

ก็มีหลายเลือกหลายอย่างนะฮะ หมู เห็ด เป็ด ไก่
แต่สองคนแม่ลูกสั่งก๋วยเตี๋ยวกุ้ง กับข้าวผัดกุ้งมา


ลองชิมแล้วก๋วยเตี๋ยวรสชาติเฉยๆ ออกรสจืดๆ แต่ข้าวผัดกุ้งอร่อยนะ แนะนำเลย 
(อาหารเมนูเบสิคๆ ที่นี่ จะตกจานละประมาณ 3-4ร้อยบาทฮะ 
ถ้าดีๆหน่อย เช่น พวก Beef หรือสเต็ก ก็ตกจานละ 8-9ร้อยได้ฮะ)



อันนี้ก็จะเป็นสถานีรถไฟใต้ดิน ซึ่งอยู่หน้าโรงแรมที่กุ้งมานอนพักเลยฮะ
(ครั้งนี้กุ้งกับคุณแม่ มานอนพักที่ Holiday Inn Paris
ย่าน Gare De L'est ฮะ ถือเป็นโรงแรม 4 ดาวที่ใกล้
รถไฟใต้ดินที่สุดโรงแรมนึง เลยเลือกจองที่นี่
ราคาค่าพักแบบ Standard คืนนึง ตกประมาณ 3-4 พันบาทได้ฮะ)


บรรยากาศโดยรอบโรงแรมครับ




ที่นี่รถไม่ติดเลย เพราะคนส่วนใหญ่
จะใช้ระบบขนส่งมวลชนกันซะเยอะ



แต่ถ้าใครใช้รถ เค้าก็จะมีระเบียบวินัยกันมากๆ
เคารพกฎจราจรกันสุดๆ จอดรถก็สวยงามเป็นระเบียบฮะ


ส่วนอันนี้คือ โบสถ์ที่อยู่แถวๆโรงแรมฮะ ชื่อว่า Saint Laurent






คนที่นี่ใช้มอเตอร์ไซด์คันค่อนข้างใหญ่ฮะ




โฉมหน้าของรถเมล์ที่นี่^^


สิ่งที่ชอบมากๆ คือรถโดยสารหรือรถเมล์ที่นี่



เค้าจะมีที่นั่งรอ หรือป้ายรถเมล์ให้นั่ง
 โดยมีหลังคาให้ (เพราะที่นี่ฝนตกบ่อยมากๆ) และที่เลิศสุด
คือ มีเวลาบอกด้วย ว่าอีกกี่นาที รถจะมาถึงฮะ



พักทานข้าวจ้าาาา (โปรดอย่าถามชื่อเมนู เพราะตรูอ่านไม่ออก ฮาๆๆ)






พอวันที่สอง ก็ไป Shopping กันต่อ โดยตั้งใจจะไป
ซื้อพวกสกินแคร์และเครื่องสำอางกันที่ Sephora
โดยนั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี Chaussée d'Antin-La Fayette
(สถานีเดียวกับที่จะไปห้างลาฟาแยตนั่นแหละ)


เย้ๆๆ มาถึงแล้ว ห้าง Sephora อันโด่งดัง 
แต่เหมือนบุญมี แต่กรรมบัง เพราะดันไปวันอาทิตย์ ซึ่งห้างที่นี่ปิดหมดเลย
เลยได้แต่ถ่ายรูปบรรยากาศข้างนอกมาให้ดูกันฮะฮือๆ





มี Shop ของ Apple เปิดอยู่แถวนี้ด้วย อิอิ
แต่เอาล่ะ ไหนๆก็ช็อปไม่ได้ ก็ไปเที่ยวที่อื่นดีกว่า
มาปารีสทั้งที ต้องไปสถานที่สวยๆทางประวัติศาสตร์กันบ้างเนอะ
โดยเริ่มจาก พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre)
และไปต่อกันที่หอไอเฟลจ้า



ถึงแล้วฮะ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในตำนาน
( นั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Palais-Royal–Musée du Louvre station )


เดินขึ้นมาจากรถไฟ ก็เจอคุณลุงท่านนี้
กำลังนั่งวาดภาพระบายสีลงบนพื้นถนน 
ช่วยตอกย้ำความเป็นชาติ
แห่งศิลปะของฝรั่งเศสได้เป็นอย่างดีนะฮะ



หน้าทางเข้าฮะ ข้างนอกยังอลังการขนาดนี้
ข้างในจะอลังการขนาดไหนหนอ ?





กรี๊สสสส เจอของจริงซะทีฮะ สวยม๊วกกก
อลังการหรูหราไฮโซสุดๆ เหมือนเดินอยู่ในพระราชวัง





ท่าโพสต์แซ่บไหมไม่รู้ แต่ฝรั่งมองตาไม่กระพริบนะจ๊ะ อิอิ




เรื่องที่สนุกอย่างนึงที่เจอคือ ได้เจอคนผิวสีกลุ่มใหญ่
มายืนขายหอไอเฟลจำลอง และพวงกุญแจรูปหอไอเฟล


ซึ่งเราก็แม่ก็ช่วยอุดหนุนมาด้วย (แต่เค้าจะบอกราคาไว้สูงพอสมควร
แต่ต่อรองได้ เช่น หอไอเฟลจำลองขนาดกลางๆ
เค้าคิด 20 ยูโร แต่สุดท้ายเราต่อเหลือ 10 ยูโร
และได้พวงกุญแจแถมมาอีก 5 อัน 555+)



แม่เราต่อราคาเก่งมาก ต่อจนได้มาทั้งหมดนี้
ในราคาไม่กี่สิบยูโร (อันเล็กๆตกอันละไม่ถึง 20 บาทเอง)




สวยไม่มาก แต่ท่าโพสต์หนูเยอะ อิอิ


พอเดินทั่วแล้ว ก็เดินทางไปหอไอเฟลต่อ
ซึ่งมีหลายวิธีมาก แต่เราเลือกไปทางรถไฟใต้ดินเหมือนเดิม
โดยเลือกไปลงสถานี Trocadéro ซึ่งพอลงไปแล้ว
เดินไปนิดเดียว ก็จะเห็นหอไอเฟลได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว


พอไปถึง และถ่ายรูปได้แค่แปปเดียว ฝนก็ตกลงมา
เราสองคนแม่ลูกเลยไปยืนหลบฝนกันอยู่ใต้อาคารแถวๆนั้น
และตัดสินใจไปหาอะไรทานและกลับโรงแรม
เพื่อจัดของและเตรียมตัวกลับไทยวันรุ่งขึ้นนั่นเองฮะ ^^ 
ต้องขอบพระคุณ สายการบิน Air France มากเลยนะครับ
ที่ได้สนับสนุนตั๋วเครื่องบิน และค่าที่พักในทริปนี้ให้
หากท่านใดกำลังตัดสินใจอยากไปเที่ยวฝรั่งเศสบ้าง
แต่ยังมีข้อสงสัย ก็หลังไมค์มาถามกันได้ ยินดีตอบฮะ ^^

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

[ รีวิว ] HiCee วิตามิน C เข้มข้นเพื่อสุขภาพและความงาม

[ รีวิว ] โปรไบโอติก (Probiotic) ชนิดผงสกัดเข้มข้น PROBAC 7 ของ Interpharma

[ รีวิว ] Meiji Amino collagen Premium เมจิ อะมิโน คอลลาเจน พรีเมี่ยม